วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอะไรบ้าง ?ที่ช่วยเรื่องผิวพรรณ

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอะไรบ้าง ?ที่ช่วยเรื่องผิวพรรณ
ถ้าอยากมีผิวสวยและสุขภาพแข็งแรงก็ต้องบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่
ซึ่งฟังดูเหมือนง่ายๆ แต่พอทำเข้าจริงๆ 
ก็ไม่มีใครทำได้มากนัก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาอย่างเราๆ ดังนั้นตัวช่วยจึงต้องเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งหลาย
เพื่อช่วยให้ผิวสวยใส แต่ก่อนจะบริโภคอะไร เข้าไปก็ควรเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอะไรบ้างที่สามารถช่วยเราได้เรื่องผิวพรรณ
 
และช่วยได้อย่างไร
 
1.       น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose Oil) หรือ EPO
หากคุณมีอาการผื่นผิวหนังอักเสบ (eczema) น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรสนี้จะเป็นทางเลือกที่ดีของคุณ เพราะส่วนประกอบที่สำคัญ
ก็คือกรดแกมมา ไลโนเลอิก หรือ GLA ที่จะช่วยลดการติดเชื้อของเซลล์ผิวหนังและความทรมานจากอาการนี้ให้น้อยลง แต่แม้เรา
จะมีสุขภาพผิวที่ดีอยู่แล้ว น้ำมันนี้ก็จะช่วยดูแลผิวของเราได้ด้วยเช่นกัน จากการวิจัยของสวิตเซอร์แลนด์ พบว่าผู้ที่บริโภคผลิตภัณฑ์
ในปริมาณ 500 มก. วันละ 6 แคปซูลจะสามารถฟื้นฟูความชุ่มชื้นในผิวได้เพิ่มขึ้นจากเดิม ประมาณ 13 % และผิวมีความยืดหยุ่น
เพิ่มขึ้น 17% ในเวลา 12 สัปดาห์ กรดแกรมมา ไลโนเลอิก จะช่วยพัฒนาให้ผิวที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและ ลดปริมาณความ
ชุ่มชื้นที่จะละเหยออก จากผิวหนัง ที่ทำให้ผิวแห้งดร. เพอริโคนระบุ

2.       สังกะสี (Zinc)
เป็นแร่ธาตุ ที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกาย ทั้งยังเป็นแร่ธาตุสำคัญสำหรับสุขภาพผิวหนัง 
มันจะช่วยรักษาสมดุลของการผลิตไขมันในร่างกายของเรา หากขาดธาตุนี้ก็จะทำให้ผิวของคุณมีโอกาสเป็นสิวได้มากขึ้น
 
ความเห็นของแพม สโตน ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัดของออสเตรเลีย ปริมาณแนะนำสำหรับการบริโภคประจำวันคือ
 
วันละ 8 มก. แต่หากคุณต้องการ ใช้เพื่อผลในการรักษา ปัญหาผิวหนังอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะ ก็จะดีกว่าหากเพิ่ม
ปริมาณการบริโภคให้เป็นวันละ เกือบๆ แต่ไม่เกิน 30-40 มก.นี่คือคำแนะนำ ของสโตน อย่างไรก็ตาม แร่ธาตุสังกะสี
 
จะทำงานได้ดี หากบริโภคร่วมกับวิตามินเอ ดังนั้นจึงควรบริโภคแร่ธาตุชนิดนี้ร่วมกับผลไม้ตระกูลส้ม พืชผักสีเขียวหรือ
 
เหลืองซึ่งมีวิตามินเอเป็นส่วนประกอบ

3.       โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q-10) ดร.เลสลี บาวแมน แพทย์ผู้เชี่ยชาญด้านผิวหนังของสหรัฐอเมริกาเรียก
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดนี้ว่าเป็น สารต้านอนุมูลอิสระสุดโปรดของเธอ ซึ่งเธอเห็นว่ามันมีประสิทธิภาพอย่างมากใน
การช่วยฟื้นฟูและ กระตุ้นพลังผิวและต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ในอิตาลีที่สนับสนุนเรื่องนี้โดยระบุว่า
การมีโคเอมไซม์คิวเทนในระดับสูง จะเกี่ยวเนื่องกับระดับของสารชนิดหนึ่งในร่างกายที่เรียกว่า สควาเล (Squalane)
 
ซึ่งทำหน้าที่รักษาผิวหนังให้มีความเอิบอิ่มและมีความชุ่มชื้น ในท้องตลาดทั่วไปเราอาจพบผลิตภัณฑ์ที่มีสาร
 
Coenzyme Q-10 นี้ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่งดร.บาวแมน ระบุว่าการบริโภคโคเอมไซม์คิวเทน ในรูปแบบของ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบแคปซูลก็จะให้ผลดี ต่อผิวพรรณเช่นกันโดยมีการวิจัยเปรียบเทียบระหว่างผู้ใช้ โคเอมไซม์คิวเทน
 
ทั้งสองรูปแบบก็พบว่าการบริโภคสารอาหารชนิดนี้ สามารถให้ผลดีกับสุขภาพผิวหนังชั้นลึกในการต่อสู้กับความชรา
 
ร่วงโรยของผิวได้ดี ปริมาณที่เหมาะสมคือ การบริโภควันละ 50 มก.
 
4.       ฟีโนจีนอล (Pycnogenol) สารสกัดที่ได้จากเปลือกสนชนิดนี้ ก็เป็นสิ่งที่ ดร.เพอริโคน แนะนำไว้เช่นกันในฐานะ
สารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพอีกชนิดหนึ่ง ฟีโนจีนอลจะช่วยป้องกันผิวจากความเสียหายจากรังสียูวีในแสงแดดได้ดี
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสียูวีบี ซึ่งเป็นต้นเหตุของผิวไหม้แดด มีผลการทดลองในห้องทดลองพบว่าผู้ที่ได้รับฟีโนจีนอล
 
ในโดส 101มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. จะสามารถอยู่ในแสงแดดได้โดยเกิดการไหม้แดดช้ากว่าเมื่อก่อนที่เขาจะไปบริโภค
ผลิตภัณฑ์นี้ (แต่ถึงแม้จะได้ทราบผลการทดลองเป็นแบบนี้ก็ตาม เราไม่แนะนำให้คุณทำการทดลองนี้ด้วยเองที่บ้านเป็นอันขาด)
 
ฟีโนจีนอล ช่วยป้องกันผิวจากความหยาบกร้าน ซึ่งจะทำให้ผิวดูสูงอายุขึ้น และพัฒนาการไหลเวียนของระบบของเหลว
ที่หล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ซึ่งทำให้ผิวมีความกระจ่างใสมากขึ้นด้วย จากการศึกษาล่าสุดของออสเตรเลียผิวที่มีโทนสี
หม่นหมองไม่สดใส จะทำให้เจ้าของผิวแก่กว่าไวจริง นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงควรจะควบคุมไว้ดีๆ

5.       โอเมก้า 3 (Omega-3)
ปลาแซลมอน ทูน่า ฯลฯ และน้ำมันจากเมล็ดแฟล็กซ์ (Flaxseed Oil) เป็นแหล่งของธาตุอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 
ซึ่งถ้าเราได้รับสารอาหารชนิดนี้ เราจะถูกแปลสภาพเป็นกรดที่มีชื่อว่า กรดไอโคชาเปนเทอีโนอิก(eicosapentaenoic acid)
 
หรือ EPA ที่จะช่วยลดการติดเชื้อและช่วยพัฒนาความชุ่มชื้นให้กับผิว นี่คือสิ่งที่คาเรน ฟิชเชอร์( Karen Fischer)
 
บอกไว้ในหนังสือเรื่อง The healthy Skin Diet ซึ่งเธอได้แนะนำให้บริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโอเมก้า 3 นี้หากคุณมีปัญหา
ผิวแห้งผื่นผิวหนังอักเสบ(eczema) โรคสะเก็ดเงิน (psorasis) ผื่นกุหลาบ (rosacea) หรือแม้แต่เรื่องของรังแคบนหนังศรีษะ
 
ซี่งโดสของการบริโภคเพื่อใช้บำบัดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดนี้คือ วันละ 2000 มก.โดยวิธีบริโภคที่เธอแนะนำคือ
 
ให้แบ่งครึ่งครั้งละ 1000 มก. พร้อมมื้ออาหารโปรตีนเพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีขึ้น และสิ่งดีที่น่ารู้ก็คือ
 
เราสามารถน้ำมันปลาในขณะที่ท้องว่าอยู่ได้ และหากวันไหนที่คุณบริโภคอาหารจำพวกเนื้อปลาที่อุดมด้วยไขมัน เช่น
 
แซลมอนหรือทูน่าก็สามารถงดบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดนี้ได้ในวันนั้น

6.       ลูทีน (Lutein)
เราอาจเคยได้สินเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดนี้ว่าให้ผลดีเรื่องการดูแลสุขภาพของนัยน์ตา แต่น้อยคนที่จะทราบว่าลูทีน
ก็ให้ผลดีต่อสาพผิวเช่นกัน ลูทีนจะทำหน้าที่สองอย่างด้วยกันคืออย่างแรกจะช่วยเพิ่มความสามารถตามธรรมชาติในการ
ปกป้องตัวเองของผิวหนังจากรังสียูวีได้นอกจากนี้ลูทีนยังช่วยฟื้นฟูผิวให้มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น การทดลองจากห้องทดลอง
ของมหาวิทยาลัยเนเปิล พบว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดนี้วันละ 10มก. จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิวได้ 38%
 
และเพิ่มความยืดหยุ่น 8 % หากบริโภคเป็นบริโภคเป็นเวลา 12 สัปดาห์สารลูทีนนี้ยังให้ประสิทธิภาพดี หากคุณบริโภคร่วม
กับสารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า ซีแซนทีน (Zeaxanthin)

ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่น่ารู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยในเรื่องของผิวพรรณ อย่างไรก็ตามพึงระลึกว่าข้อมูลเหล่านี้
เป็นการให้ข้อมูลเบื้องต้นที่น่าสนใจเท่านั้น ส่วนการตัดสินใจจะบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดใดอย่างไร ควรศึกษาข้อมูล
ให้ละเอียดจากเอกสารรายละเอียดผลิตภัณฑ์หรือพูดคุยกับผู้มีความรู้เช่น เภสัชกร ให้เข้าใจและ หากคุณมีโรคประจำตัวหรือ
อาการผิดปกติใดๆ ของร่างกายอยู่ ก็ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนการบริโภคเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและได้
ประโยชน์สูงสุดจากผลิตภัณฑ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น